Saturday 12 September 2009

Hokkaido Trip :#7 Akango and Manimo เจ้าลูกเขียวๆ กลมๆ


เจ้าลูกเขียวๆ กลมๆ นี่มันอะไรครับ มันมีชื่อว่ามานิโมะ แล้วมันคืออะไรล่ะ ยืนมองไปมองมาหน้าร้านขายของเล็กน้อยที่ห้างสรรพสินค้าในเมืองใหญ่ มันถูกบรรจุในขวดโหลขนาดต่างๆ มีน้ำอยู่เต็ม บางขวดก็มีปลาตัวน้อย หรือกุ้งเล็กๆ ด้วย หลังจากนั้นจึงลองถามเพือนคนญี่ปุ่นดู เขาบอกว่าเป็นสาหร่ายที่มีในทะเลสาปที่ฮอกไกโด

จากอินเตอร์เนทหาจนพบว่า มานิโมะมีอยู่ที่เดียวที่ทะเลสาปอาคัน มาคราวนี้เลยวางแผนแวะไปเยี่ยมสักหน่อย จากหน้าทะเลสาปต้องนั่งเรือไปที่เกาะ ราคาค่าเรือ 1750 yen แต่โชคดีได้บัตรลด 10% มา เรือใช้เวลาทั้งหมด 75 นาที พาไปแวะเกาะชูรูอิ ที่เป็นศูนย์อนุรักษ์แห่งเดียวในญี่ปุ่น และเป็นที่ๆ เดียวที่มีเจ้ามานิโมะนี่ หลังจากนั้นเรือก็จะพาวนไปรอบๆ ทะเลสาป


เจ้าหน้าที่บอกว่า มานิโมะที่วางขายเป็นของปลอม คนขายจะเอาสาหร่ายธรรมดามากลิ้งให้กลม ดังนั้นพอเลี้ยงไปสักพักมันก็จะไม่กลมแล้ว รัฐบาลญีปุ่นประกาศห้ามนำมานิโมะในอาคันโกะนี้ขึ้นมา และห้ามทำการค้าขาย แต่ที่วางขายมีทั้งแบบขวดโหลและแบบบรรจุกระป๋องสำหรับนำไปต่างประเทศด้วย นอกจากมานิโมะแล้วนกกระยางที่นี่ก็เป็นสัตว์อนุรักษ์อีกด้วย จะพบเห็นได้รอบๆ ทะเลสาปมีอยู่เยอะมาก


กลับขึ้นมาจากเรือ พอมีเวลาอยู่เลยเดินไปเยี่ยมชมหมู่บ้านขาวไอนุ ชาวไอนุเป็นชนเผ่าพื้นเมืองของฮอกไกโด มีภาษา อาหาร เครื่องนุ่งห่มเป็นแบบของตัวเอง ถนัดแกะสลักไม้ และล่าสัตว์มาก แต่ตอนนี้หมู่บ้านกลายสภาพเป็นร้านขายของหมดแล้ว เหลือไว้แต่หอประชุมตรงกลางเท่านั้น เดินถามหาร้านอาหารสไตล์ไอนุจนเจออยู่ร้านหนึ่งนั่งกินรอเวลาให้มืด เพราะคืนนี้เขาจะมีเทศกาลประชุมหมู่บ้านพอดี

ทางเข้าหมู่บ้านครับ

ร้านค้าและวิวภูเขารอบๆ

หอประชุมหมู่บ้าน

อาหารไอนุจะเป็นอาหารที่นำของจากป่ามาทำซะส่วนใหญ่รวมถึงปลาสดที่ได้จากทะเลสาปด้วย อย่างเช่น ซุปผักป่า น้ำพริกเครื่องในปลา (ชอบมากอร่อย) เนื่อกวางทอด และยังมีอาหารพวกที่ทำจากมันฝรั่งด้วย พอสองทุ่มอากาศเริ่มหนาวมากขึ้น ขบวนคบไฟเริ่มเดินจากไหนก็ไม่รู้เข้ามาในหมู่บ้าน และมารวมกันหน้าหอประชุม และก็จุดกองไฟใหญ่ตรงนั้น หลังจากนั้นน่าจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านก็ออกมาพูดภาษาไอนุ ก่อนที่จะส่งเสียงโวกเวก เป็นอันจบพิธีแบบงงๆ

เสื้อผ้าแบบไอนุครับ ที่ป้าเจ้าของร้านค้าร้านหนึ่งคะยั้นคะยอให้ใส่แถมแกยังช่วยถ่ายรูปให้อีก ไม่รู้แกถูกใจอะไร สงสัยไม่เคยมีใครต่อราคาเสื้อแกมั้ง จาก 1500 yen เหลือ 1000 yen แหะๆ ก็มันแพงนี่ครับ

No comments: