Saturday 11 July 2009

week-15,shizuoka city - น้ำตกเจ็ดสาวน้อยญี่ปุ่น (1)



ในที่สุดเช้าตรู่ตีห้า ก็ออกเดือนทางกลับไปที่เขตอิซุอีกครั้ง เพื่อไปถ่ายรูปน้ำตกเจ็ดสาวน้อยญี่ปุ่น โชคดีที่วันนี้ฝนไม่ตกแถมอากาศยังดีอีก สาธุขอให้ดีอย่างนี้ทั้งวันเถอะ รถไฟสายโทไคโดแล่นออกจากสถานีใกล้ที่พัก ถ้านายสถานีเป็นคนเดิมตลอดก็คงจะจำได้แล้วว่า นายคนนี้มาเวลานี้ทุกเสาร์อาทิตย์เลย
รถไฟแล่นผ่านไปเรื่อยๆ มีคนขึ้นและลงสลับกัน จนถึงเมืองมิชิม่าก็ลงเปลี่ยนเป็นรถไฟท้องถิ่นเพื่อไปเมืองชูเซ็นจิ รวมเวลาแล้วประมาณสองชั่วโมงครึ่งได้ พอลงจากรถไฟก็เดินไปเดิมมาสักพักมองไปเห็นที่ขายตั๋วรถบัส ก็เลยกะว่าจะไปถามว่าจะต้องขึ้นรถบัสหมายเลขอะไรเพราะมันมีสิบกว่าหมายเลข คนขายก็แสนใจดีบอกว่า ตอนนี้เขามีโปรโมชั่นตั๋วอยู่แบบนี้สิถูกกว่านะ สรุปเลยซื้อตั๋วที่ชื่อว่า อะมากิจิ ฟรีพาส มาในราคา 1900 เยน สามารถขึ้นลงกี่ครั้งก็ได้ และใช้ได้สองวัน นอกจากนี้เพราะคำนวณแล้วว่าคุ้มกว่าไปหยอดเหรียญเองซึ่งต้องเสียอย่างน้อย 2370 เยน ก็เลยขึ้นไปนั่งดูดน้ำรอคนขับสบายใจ


แผนการที่ได้วางไว้คือไปเที่ยวน้ำตกเจ็ดสาวน้อยก่อนแล้วถึงจะกลับมาเที่ยวอุโมงค์อะกามิ หลังจากนั้นก็ไปไร่วาซาบิ และน้ำตกโชอุจิที่หลังสุดแล้วนั่งบัสกลับไปสถานีชูเซ็นจิ ย้อนกลับทางเดิม ดังนั้นจึงไปลงที่บนสุดของน้ำตกก่อนหรือใกล้กับชั้นที่ 1 แต่คนส่วนใหญ่จะไล่จากชั้นเจ็ดขึ้นมา เพราะมีที่จอดรถและทางจากชั้นบนจะเดินยากกว่า พอลงรถแล้วมีเพื่อนร่วมทางชายแก่หญิงแก่สามีภรรยากันร่วมทางเป็นเพื่อนเดินไปจนถึงชั้นที่ 1 ที่มีชื่อว่า คามาดารู ความสูงกว่า 20 เมตร สวยใช้ได้เลยครับ เดินลงข้างๆ น้ำตกด้วย แถมยังตกได้แรงจนละอองน้ำกระจาย


ถัดมาพอเดินผ่านสะานแขวน ก็จะมองเห็นชั้น 2 เอบิดารู ที่เตี๊ยๆ สูงแค่ 5 เมตร เองมีลักษณะคล้ายกุ้ง ก็เลยตั้งชื่อว่าน้ำตกกุ้ง หลังจากนั้นเดินข้ามสะพานมาก็จะเจอทางเดินที่คดเคี้ยวไปมา ข้างๆ เป็นป่าสนใหญ่บรรยากาศดีมากๆ
ชั้นที่ 3 มีชื่อว่า เฮบิดารู หรือน้ำตกงู ลักษณะของหินเป็นหินบะซอลจึงมีสีดำคล้ายเกล็ดหนังงู จึงตั้งชื่อตามนั้น มีความสูงไม่มากนักแค่สามเมตร
ชั้นที่ 4 เป็นชั้นที่สำคัญเพราะมีรูปปั้นนักดนตรีชายหญิง จึงมีชื่อว่า โชเคอิดารู เป็นจุดที่นิยมถ่ายภาพมาก นอกจากนั้นชั้นนี้ยังพบตัว โอกิโนอิริอีกด้วย ตัวคล้ายแมลงน้ำบ้านเรานั่นเอง
เดินต่อมาจนสุดทางผ่านร้านค้าหลายร้าน แต่ก็ยังไม่พบน้ำตกชั้นที่ 5 ที่ชื่่อคานิดารู จนต้องควักกระดาษไกด์ออกมาดูตำแหน่ง พอมองหาจึงเข้าใจว่าชั้นนี้อยู่ในร่มไม้เลยออกจะมองเห็นยากสักหน่อย และเล็กๆแค่ สองเมตร แต่สามารถยืนจากสะพานมองได้
ชั้นที่ 6 แยกออกไปอีกทางแต่ห่างไปไม่ไกล มีชื่อว่า เดอาอิดารู มีความหมายว่า จุดนัดพบ เป็นจุดที่แม่น้ำอาชิ และแม่น้ำโอกิโนอิริมาบรรจบกัน แล้วไหลลงไปที่ชั้นที่ 7 ที่อยู่ด้านล่าง


ชั้นสุดท้ายนี้สูงที่สุด มีชื่อว่า โอดารู มีความสูงกว่า 30 เมตรเลยทีเดียว มีขนาดใหญ่ที่สุด แต่เสียดายที่เขาไม่ให้เข้าไปใกล้ๆ ไม่ใช่เพราะอันตรายหรืออย่างใด เขากั้นเอาไว้สำหรับแขกของออนเซ้นเท่านั้นที่เดินเข้าไปเล่นริมน้ำได้ คนนอกไม่เกี่ยว ไอ้เราก็ยังไม่อยากออนเซ็นเสียด้วยสิ มันโล่งแจ้งไปหน่อย ขากลับเดินขึ้นมามองเห็นทางรถที่สร้างวนกันสามชั้นที่ผ่านครั้งก่อนด้วย
เดินกลับขึ้นไปนั่งรอรถบัส พอดีมีเวลาอีกเล็กน้อยเลยแวะร้านขายของซื้อไอติมรสวาซาบิมาชิมสักอัน ราคา สามร้อยเยน เอานะไม่ได้กินบ่อยๆ นี่ ไอติมญี่ปุ่นอันละเกือบร้อยบาท บ้านเราไอติมแม็กอันละ เจ็ดบาท เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน

3 comments:

TeruteruBozu said...

こんにちわ

  元気か?この頃、雨がよく降ってる。
タイには新方で亡くなった人が増えてきた。
あなたも日本に住んでも健康をつけてね。
本当に危ない。

TeruteruBozu said...

 
昨日の話したのはどんな色いいですか?

              (@.@)

lomlamer said...

今本当に元気です。

新聞によって見た、タイには死んた人がおいがた。
危ないね。

あなたは話したものを作ってくれて、何でもいいですよ。