Wednesday 8 July 2009

nikko งามแบบญี่ปุ่น


จากที่นอนโฮมสเตย์เมืองฟุกุโอกะแล้ว พวกเราก็ย้ายที่นอนมาที่เมืองนิกโก้ ใกล้กรุงโตเกียวเข้าไปอีกนิด พวกเราต้องไปเปลี่ยนรถไฟอีกขบวนที่สถานี Utsunomiya ขึ้นขบวนรถไฟพิเศษสวยๆ ที่มาจากโตเกียว ที่นิกโก้เองจะมีสถานีรถไฟสองสถานีคือ Tobu line และ JR line สามารถนั่งกลับโตเกียวได้ทั้งสอง แต่บัตร JR pass นั่งได้เฉพาะ JR เท่านั้น ดังนั้นพวกเราจึงเริ่มที่สถานี JR


เขตมรดกจะอยู่ห่างจากสถานีรถไฟไปประมาณครึ่งชั่วโมงด้วยการเดินไป แต่ของที่หลังมันหนักมากจริงๆ เลยพยายามหารถเมล์ไปที่พักแต่หาเท่าไหร่ก็ไม่มีเพราะช่วงวันหยุดคนเยอะมากๆ รถเลยติด รถเมล์ก็วิ่งไม่ได้ เลยต้องแบกเป้หนักๆ ไปที่พักเองยังดีที่อยู่บนเส้นทางเดียวกับเขตมรดกโลก แต่ที่โชคร้ายกว่านั้นคือพอไปถึงที่พักเขาให้เช็คอินน์หลังสี่โมงเย็น ลืมไปว่าที่ญ๊่ปุ่นไม่เหมือนที่อื่น เวลาเช็คอินน์ไม่ตายตัว แล้วแต่เจ้าของที่พัก คราวหลังต้องเช็คเวลาอินเอาท์ให้ดีก่อน คราวนี้ต้องหน้าด้านอีกแล้วเดินไปขอข้างบ้านฝากวางของ ป้าแกก็ใจดียอมให้ฝากไว้ในบ้านแถมยังช่วยแนะนำเส้นทางให้ด้วย คราวนี้พวกเราก็เดินกันตัวปลิวเลยครับ

จากที่พักเดินไปเขตมรดกโลกใช้เวลาเพียงแค่ห้านาทีเอง มีเวลาเที่ยวสามชั่วโมงก่อนที่จะปิด พวกเราเดินผ่านสะพานชินเคียว สีแดงที่อยู่ด้านหน้าของทางเข้าเขตมรดกหรือที่เรียกว่า นิชิซานโด สะพานนี้เป็นหนึ่งในสามสะพานโบราณที่เหลืออยู่ในญี่ปุ่น ป้ายมรดกโลกจะอยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นป้ายหินไม่ค่อยโดดเด่นนัก เลยขึ้นไปเป็นบันไดทางขึ้นวัดรินโนจิ ไทยูอิน เป็นวัดที่สำคัญมาก หนึ่งในสามวัดทางพุทธที่สำคัญอีกเช่นเดียวกับสะพานชินเคียว
การเข้าชมเขตมรดกโลกสามารถซื้อตั๋วชุดสำหรับเข้าชมได้ทุกแห่งในเขตมรดกยกเว้นภาพแมวที่ต้องเสียเงินเพิ่ม ตั๋วชุดนี้มีขายอยู่สองแห่งไม่ไกลกันแต่ราคาไม่เท่ากันทั้งๆ ที่บัตรเหมือนกันเลย พวกเราก็เลยซื้อที่ถูกเข้าแทนภายในห้องโถงใหญ่จะถูกกันไม่ให้ถ่ายรูป ภายในจะมีพระพุทธรูปใหญ่

ถัดมาเดินไปเข้าศาลเจ้าโตโชกูที่สร้างโดยโตกุกาว่า อิเอยาสุ ภายในจะพบกับประตูโยเมอิ และสถูปสีทองสำคัญ นอกจากนั้นจะพบกับภาพลิงสามตัว Hear no evil, speak no evile and see no evil และภาพแมวหลับที่เลื่องลือ แต่พอเข้าไปก็ห้ามถ่ายรูปอีกเลยไม่รู้ว่าจะเสียเงินเข้ามาทำไม
นอกจากนั้นยังมีศาลเจ้าฟูตาราซาน ที่มีภาพเขียนที่สวยงาม ศาลเจ้าทากิโน โบสถ์ชินโค สวนหลวง และที่น่าสนใจอีกมาก แต่เวลามีจำกัดเขาปิดตอนห้าโมงเย็น ขากลับแวะเดินตามร้านค้าต่างๆ มีอยู่สองร้านที่น่าสนใจ หนึ่งเป็นร้านขายของเก่ามีของแปลกๆ เยอะและมีของไม่เหมือนร้านอื่น ส่วนอีกร้านเป็นร้านเล็กๆ ที่ลุงแกแกะสลักไม้ขายเอง ของในร้านราคาจะถูกกว่าร้านอื่นๆ เยอะเลย
คนมาเที่ยวเยอะเหลือเกินนอกจากจะกินในที่พักแล้ว ตามร้านอาหารต่างๆ ก็เต็มไปด้วยผู้คน รอคิวนานมาก พวกเราเสียเวลาเดินหาร้านว่างๆ นานจนเลือกเบนโต แล้วกลับมานั่งกินแถวสะพานชินเคียวดีกว่า ยามนี้ผู้คนไม่เหลือแล้ว เหลือแต่พวกเราเท่านั้น ส่วนตัวดีจริงๆ

วันรุ่งขึ้นพวกเราซื้อบัตรรถเมล์แบบขึ้นลงกี่ครั้งก็ได้สุดคุ้ม รีบออกกันแต่เช้าก่อนที่คนอื่นๆ จะมากันเยอะขึ้นเขาสูงไปน้ำตกเคกอนและทะเลสาบชูเซ็นจิ ใช้เวลาเดินทางจากสะพานชินเคียวเกือบชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีน้ำตกอื่นๆอีกหลายแห่ง เสียดายไม่มีเวลาเหลือพอต้องกลับมาเอาของแล้วเดินทางเข้าโตเกียว

2 comments:

Anonymous said...

สงสัยช่วงที่พี่ไป คนคงเพียบแน่เลยอ่ะ

lomlamer said...

แน่นอนครับ แย่งกันกินแย่งกันเที่ยว