Tuesday 28 July 2009

หนึ่งวันในโตเกียวที่แสนวุ่นวาย


เริ่มที่อาซากุสะ ที่เขาเรียกกันว่า Old Edo Downtown มีถนนหรือซอยแคบๆ สีดำ บ้านและร้านค้าแบบเก่าๆ แต่ดูเหมือนยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วทำให้สิ่งที่เคยมีอยู่มันช่างดูเลือนลางจนมองไม่เห็นแล้ว นอกจากนี้ยังมีการติดป้ายโฆษณากันซะจนเยอะแยะไปหมด


จากสถานีอาซากุสะของสายเมโทร ที่ต้องเน้นเพราะมันมีสามสถานีรถไฟด้วยกัน หลังจากลงจากสถานีแล้วต้องเดินไปอีกสักสามนาทีจะผ่านย่านร้านค้าของที่ระลึกต่างๆ มากมาย เรียกว่ามีของทุกอย่างตั้งแต่เล็กจนขนาดใหญ่ ถูกไปจนถึงราคาเป็นหมื่นเยน เส้นทางเดินเที่ยวจะเริ่มที่ประตู kaminarimon ที่มีโคมไฟอันใหญ่ เดินผ่านย่านการค้าที่บอก ที่เรียกว่า Nakamise shopping Arcade จากย่านนี้ใช้เวลาอีกสิบห้านาที ถ้าไม่แวะซื้อของก่อน แต่บางคนอาจจะใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยก็ได้
หลังจากพ้นย่านร้านค้าจะมองเห็นบริเวณที่เป็นวัด ซึ่งก็คือ Asakusa Kannon Temple แต่ก่อนเข้าวัดจะมีประตูใหญ่อีกบานที่เรียกว่า Hozo mon ที่ประตูนี้จะมียักษ์ หรือที่เรียกว่า โอนิ และ รองเท้าฟางอันใหญ่ด้านหลังประตู เมื่อผ่านประตูด้านซ้ายมือคือ Five Storied Pagoda เจดีย์ 5 ชั้นนั่นเอง อาคารใหญ่เบื้องหน้าคือตัวอาคารหลัก แต่ก่อนเข้าต้องทำอยู่สองอย่างคือ ไปชำระล้างสิ่งสกปรกด้วยน้ำที่ออกจากหัวมังกร และโบกควันเข้าตัวเพื่อเรียกสิ่งดีๆ มาแทนสิ่งไม่ดี หลังจากนั้นก็เดินเข้าอาคารใหญ่ ที่เหมือนๆ กันทุกที่ของวัดญี่ปุ่น เดินเล่นมาจนถึงสวนสุมิดะ เลยพักเสียหน่อย ก่อนไปต่อที่อากิฮาบาร่ากัน


จากอาซากุสะ นั่งรถไฟต่อมาแค่สองป้ายก็ถึงอากิฮาบาร่า ย่านที่ดังที่สุดแหล่งเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด ที่อดีตเคยบอกกันนักหนาว่าถูกแสนถูก แต่พอแอบมองราคาแล้ว ทำไมมันแพงกว่าที่โอซาก้ามากมายนัก ถ้าสังเกตดีๆ ร้านค้าจะรวมตัวกันเป็นโซนๆ หรือถ้าไม่อยากเดินข้างนอกก็สามารถเดินบนห้างขนาดใหญ่ได้ แต่ดูแล้วผู้คนนิยมเดินกันข้างนอกมากว่า นอกจากนั้นยังมีสาวแต่งตัวน่ารักๆ มายืนเชียร์แขกหรือเรียกแขกอีกด้วย บางร้านก็จ้างโบกมือเรียกแขกอยู่บนชั้นสอง
ย่านการค้าอุเอโน ก็เป็นสถานที่นิยมมาจับจ่ายซื้อของกัน พอเห็นครั้งแรกนึกว่าตลาดนัดจตุจักรบ้านเราเลย มีตั้งแต่ของกินไปจนถึงของใช้ เสือผ้า รองเท้า โดยเฉพาะรองเท้าเนี่ยหน้าร้านเขาจะกองกันเป็นภูเขาเลย ใครอยากได้ก็โกยคุ้ยหาเอา บ้างก็ไม่มีไซด์ที่ต้องการก็โชคร้ายไป แต่ของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นของจากจีนทั้งนั้น เรียกว่าด้อยคุณภาพจริงๆ ช่วงเย็นคนจะเยอะมากๆ จนต้องแย่งกันกว่าจะเข้าไปถึงสินค้าได้ กว่าจะหลุดจากโซนนี้ออกมาได้ก็เรียกว่า เหงื่อโชกเลยครับ

No comments: